POPULAR SEARCHES

บาดแผล มักเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวันจากอุบัติเหตุต่าง ๆ  ไม่ว่าจะเป็นแผลพุพอง แผลรถล้ม หรือแผลถลอกที่เกิดจากการเสียดสีกับพื้นผิวที่ขรุขระ ซึ่งแม้จะดูเป็นแผลเล็กน้อย แต่หากดูแลไม่ถูกวิธี แผลถลอกอาจติดเชื้อ กลายเป็นแผลเป็น หรือเกิดรอยแผลเป็นที่ไม่สวยงามได้ วันนี้เราเลยรวบรวมข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับวิธีดูแลแผลถลอกมาฝากทุกคนกัน

แผลถลอก คืออะไร?
แผลถลอกคือบาดแผลประเภทเปิดที่เกิดจากการเสียดสีกับพื้นผิวที่ขรุขระหรือแข็งจนทำให้ผิวหนังชั้นนอกถลอกออกไป มักพบได้บ่อยบริเวณ ข้อศอก เข่า หน้าแข้ง ข้อเท้า หรือช่วงแขนขาที่อยู่นอกร่มผ้าซึ่งง่ายต่อการได้รับบาดแผล

ซึ่งแบ่งแผลถลอกออกได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้
ระดับที่ 1  เป็นการเสียดสีที่ผิวหนังชั้นนอก (Epidermis) มักไม่มีเลือดออก หรือมีเพียงเล็กน้อย 
ระดับที่ 2  เป็นการเสียดสีที่ผิวหนังชั้นนอกและชั้นหนังแท้ (Dermis) มักมีเลือดออก 
ระดับที่ 3  เป็นการเสียดสีที่ผิวหนังชั้นนอก ชั้นหนังแท้ และเนื้อเยื่อใต้ชั้นหนังแท้ (Subcutaneous Tissue) มักมีเลือดออกมาก แผลจะหายเองได้ยาก 

อย่างไรนั้นแผลถลอกเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ระดับเล็กน้อยที่มีขนาดเล็กไม่เกิน 1 เซนติเมตรไปจนถึงขนาดใหญ่ที่มากกว่า 5 เซนติเมตรเลยทีเดียวซึ่งขึ้นอยู่กับการที่ผิวหนังได้รับการเสียดสีจากวัตถุนั้นๆจนเกิดการเสียหาย

 

 

และเมื่อรู้จักระดับความรุนแรงของแผลถลอกที่สามารถเกิดขึ้นได้แล้วก็ต้องรู้ถึงวิธีในการดูแลรักษาเพื่อสามารถทำให้บาดแผลที่เกิดขึ้นทุเลาเบาลง และไม่เกิดการติดเชื้อตามมาในภายหลัง

วิธีรักษาแผลถลอกให้หายเร็วและไม่เกิดการติดเชื้อ

ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี 

1. เริ่มต้นด้วยการล้างรอยถลอกเบา ๆ ด้วยสบู่อ่อน ๆ และน้ำเพื่อขจัดสิ่งสกปรก เศษซาก และแบคทีเรีย ใช้ผ้าสะอาดหรือผ้ากอซฆ่าเชื้อซับบริเวณนั้น โดยหลีกเลี่ยงการขัดถูแรงๆ ที่อาจทำให้ผิวระคายเคืองมากขึ้นและการทำความสะอาดยังช่วยป้องกันการติดเชื้อและสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดสำหรับการรักษาแผลได้

2. ทายาฆ่าเชื้อ หลังจากทำความสะอาดแล้ว ให้ทายาฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของโพวิโดนไอโอดีนซึ่งมี
คุณสมบัติในการยับยั้งและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส หรือเชื้อราต่างๆที่อาจเกิดขึ้นในแผลได้และที่สำคัญต้องใช้ให้ถูกต้องตามคำแนะนำของเภสัชกรและแพทย์ 

3. ปิดด้วยผ้าพันแผล ป้องกันการเสียดสีจากการระคายเคืองเพิ่มเติมโดยปิดด้วยผ้าพันแผลหรือผ้าปิด
แผลที่ปราศจากเชื้อ ซึ่งจะช่วยปกป้องแผลจากสิ่งสกปรก เชื้อโรค และการเสียดสี ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและเปลี่ยนผ้าพันแผลเป็นประจำโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันเปียกหรือสกปรก

4. สังเกตอาการของการติดเชื้อ จับตาดูรอยถลอกอย่างใกล้ชิดขณะสมานตัว สังเกตอาการต่างๆ เช่น
ปวดมากขึ้น แดง บวม รู้สึกอุ่น หรือมีน้ำไหลออกมา ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อ หากมีอาการใดๆ เกิดขึ้นหรือหากรอยถลอกไม่ดีขึ้นภายในสองสามวัน ให้ไปพบแพทย์ทันทีเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน

 

อย่าให้แผลเปียกหรือได้รับความชื้นมากเกินไป

การทำให้แผลอยู่ในความชุ่มชื้นที่เหมาะสม ช่วยป้องกันการขยายของบาดแผลออกไปได้แต่ความชื้นที่มากเกินไปอาจเป็นอันตรายและส่งผลเสียต่อกระบวนการหายของแผลได้เนื่องจากความชื้นสามารถเป็นแหล่งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียได้ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนที่เสี่ยงต่อสุขภาพได้ นอกจากนี้ความชื้นยังอาจทำให้แผลอ่อนแอได้ง่าย การป้องกันความชื้นบนแผลจึงเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลแผล โดยมักจะใช้วิธีการปิดแผลด้วยผ้าพันแผลหรือสารป้องกันน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำสัมผัสตรงกับแผลและยังควรเปลี่ยนผ้าพันแผลหรือสารป้องกันน้ำอย่างสม่ำเสมออีกด้วย

เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ช่วยเพื่อการฟื้นฟูบาดแผล ได้แก่
1. โปรตีน อาหารที่มีโปรตีนสูงเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นฟูแผล เช่น เนื้อสัตว์ที่ต่อต้านการอักเสบ เช่น ไก่ 

เนื้อวัว และเนื้อที่อ่อนนุ่ม เช่น ปลา 

2. ผลไม้และผักสีเขียวและสีส้ม ผลไม้และผักที่มีสีสันสดใส เช่น ส้ม แตงโม และกะหล่ำปลี มักมีสารต้าน

อนุมูลอิสระและวิตามินซีซึ่งช่วยเร่งกระบวนการหายของแผล 

3. ไขมันจำพวกโอเมก้า3เพราะเป็นไขมันที่ไม่อิ่มตัวและมีคุณค่าทางโภชนาการเป็นอย่างมากและยังมีคุณสมบัติลดการอักเสบ ซึ่งมีอยู่ในจำพวกปลาน้ำเย็น เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน

 

อาหารที่ควรระวังหรือหลีกเลี่ยงเมื่อมีแผลหรือบาดแผล ได้แก่

1. อาหารรสจัด อาหารที่มีรสชาติเผ็ดอาจทำให้รู้สึกระคายเคืองหรือเจ็บปวดเมื่อการบริโภค 

เช่น พริกแกง พริกไทย และเครื่องปรุงรสจัด

2. อาหารที่มีสารเสพติด การบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือสารเสพติดอื่นๆ อาจทำให้ระบบ

ภูมิคุ้มกันลดลง ทำให้การหายของแผลช้าลง

3. อาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง การบริโภคน้ำตาลมากๆ อาจทำให้เกิดการสึกกร่อนของร่างกาย ซึ่งอาจมี
ผลในกระบวนการฟื้นฟูของบาดแผลและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

การเลือกทานอาหารที่เหมาะสมในช่วงเวลาที่มีแผลหรือบาดแผลจึงมีความสำคัญอย่างมากเพื่อส่งเสริมกระบวนการหายของแผลและเร่งการฟื้นฟูของร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
การดูแลรักษาแผลถลอกอย่างเหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้แผลหายเร็วและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อการทำตามวิธีง่ายๆแต่ได้ผลเหล่านี้มั่นใจได้ว่าแผลถลอกต่างๆจะทุเลาลงได้และไม่มีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆตามมา และที่สำคัญอย่าลืมรักษาสุขอนามัยที่ดี ตรวจดูรอยถลอกเพื่อดูสัญญาณของการติดเชื้อ และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ฆ่าเชื้อบาดแผลที่มีส่วนประกอบของโพวิโดนไอโอดีน 
จะช่วยยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโรคในบาดแผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไปพบแพทย์หากจำเป็นเพื่อให้ฟื้นตัวได้ดีที่สุด


อ้างอิง